เมื่อเวลา12.15 น.วันที่ 9 ธันวาคม ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลัก สี่ กทม. นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงลาออกจากสมาชิกพรรคด้วยเหตุผล 4 ข้อว่า
1. สถานการณ์ของพรรคมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงอุดมการณ์เป็นอย่างมาก และจากที่มาร่วมประชุมรู้สึกว่าเป็นการประชุมเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเหมือนกับรู้ผลมาก่อนล่วงหน้า เพราะฉะนั้นทิศทางทิศทางและแนวทางทางการเมืองของพรรคที่ผ่านมาจนมาถึงวันนี้ ตนเห็นว่าละทิ้งอุดมการณ์ของพรรค จะเห็นได้จากเหตุการณ์การจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมามีการไปลงมติให้ นายเศรษฐา ทวีศิลป์ เป็นนายกฯ ทั้งที่พรรคมีมติแล้วว่าให้งดออกเสียง นั่นคือความชัดเจนว่า ทิศทางของพรรคในเชิงอุดมการณ์การเปลี่ยนแปลง
นายสาธิต กล่าวว่า
2. มีคนกลุ่มหนึ่งในพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับคำว่าพรรคพวกมากกว่าจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน และมากกว่าอุดมการณ์ที่มีมาอย่างยาวนานของพรรค เราอาจจะเห็นทิศทางของการนำพาพรรคในการนำพาพรรคในอนาคตอย่างชัดเจน อย่างชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร ทางการเมืองเพราะปราศจากจุดยืนทางการเมือง
3.ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เปิดโอกาสให้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทั้งที่ในที่ประชุมมีผู้เสนอตัวลงสมัครหัวหน้าพรรค โดยต้องใช้การงดเว้นข้อบังคับโดยใช้เสียง 3 ใน 4 แต่ปรากฏว่า ไม่ให้ลงสนามเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นจึงถือว่า การเปลี่ยนแปลงของพรรคไม่เป็นไปในทิศทางที่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน แต่ใช้ความเป็นพรรคพวกมาตัดสินทุกเรื่องในการนำพาพรรค
นายสาธิต กล่าวต่อว่า และ 4.คนที่จะมานำพาพรรคไม่รักษาสัจจะวาจา อย่าว่าแต่เป็นผู้บริหารพรรคเลย เป็นนักการเมืองก็เป็นไม่ได้เพราะคำพูดและสัจจะที่เราให้ไว้กับประชาชนในที่สาธารณะเปรียบเสมือนนโยบายที่ต้องรักษา นักการเมืองที่ดีต้องพึ่งรักษา “ดังนั้น ถ้านักการเมืองที่มีคุณสมบัติแบบนี้มานำพาพรรคผมเห็นว่าทิศทาง ในอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะถูกประชาชนลงโทษ ผม ผมจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคตลอดเวลา 13 ปีที่ผ่านมามีความผูกพันกับพรรคและจะดูว่าคนที่จะบริหารพรรคจะนำพาพรรคไปสู่จุดไหนและจะติดตามเฝ้าดู
ถ้ามีโอกาสก็พร้อมจะกลับมาร่วมงานกับเพื่อนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในโอกาสครั้งต่อไป“ นายสาธิต เมื่อถามว่า จากนี้จะไปทำงานเมืองพรรคการเมืองไหน นายสาธิต กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการตัดสินใจว่า จะไปอยู่พรรคไหน แต่วันนี้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรค ซึ่งการลาออกครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของตนคนเดียวและคิดว่าจะมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ที่มีแนวความคิดตรงกันก็แล้วแต่จะตัดสินใจ ตนไม่ได้ชวนใคร