จากกรณี เพจเฟซบุ๊กSurvive - สายไหมต้องรอดได้โพสต์คลิป ชายหนุ่มถกเถียงกับร้านอาหารถึงราคาผัดมาม่าที่ราคา 300 บาท โดยชายหนุ่มยืนยันเป็นราคาที่ไม่เป็นธรรมและไม่เหมาะสม เนื่องจากต้นทุนของมาม่าไม่กี่บาท ขณะที่ร้านเผยว่าที่ราคาแบบนี้เพราะใช้มาม่า 3 ห่อ ซึ่งสร้างเสียงวิพากย์วิจารณ์อย่างมากบนโลกออนไลน์
ล่าสุด แบงค์ เจ้าของเรื่องราวดังกล่าว ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวช่อง 3ระบุว่า เมื่อช่วงเวลาตี 1 ของคืนวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนกับเพื่อนประมาณ 3-4 คน ได้ไปสังสรรค์ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งย่านสรณคมน์ ดอนเมือง ซึ่งได้สั่งผัดมาม่าไป 1 จาน ปรากฏว่าเมื่อเช็กบิล พบว่าผัดมาม่าที่สั่งมาราคา 300 บาท ทำให้ตนไม่พอใจอย่างมาก เพราะมองว่าต้นทุนของมาม่าไม่ได้เยอะขนาดนั้น จึงได้โทรฯเรียกตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึง ก็ให้ตนกับทางร้านไกล่เกลี่ย ซึ่งสุดท้ายตนก็ยอมจ่าย
แต่ตนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมอาหารร้านคาราโอเกะร้านนี้ถึงแพงขนาดนี้ ตามปกติแล้วร้านอาหารหรือคาราโอเกะทั่วไป ก็ต้องติดราคาเมนู หรือหากจะมีการคิดบิลก็ต้องลงรายละเอียด โดยร้านที่ตนเคยไปกินมา ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ เพิ่งมามีปัญหาร้านนี้เป็นครั้งแรก อีกทั้งทางร้านไม่ได้ให้บิลรายละเอียดของราคาต่าง ๆ แต่อย่างใด ในคืนนั้นตนโดนไปประมาณกว่า 1,800 บาท จำนวนนี้มีค่าน้ำอัดลมขวดละ 100 บาท จึงมองว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมแก่ผู้บริโภคอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับทางร้านอาหารคู่กรณีซึ่งเป็นร้านคาราโอเกะ ก็ได้นำผัดมาม่า มาให้ดู พบว่าเป็นจานขนาดใหญ่ที่ตามปกติมีไว้สำหรับใส่อาหารจำพวกปลาทอด ทางร้านกล่าวว่า ร้านนี้ร้านคาราโอเกะ ไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่งที่จะสามารถสั่งอาหารอะไรก็ได้ และภายในร้านก็ไม่ได้สต็อกวัตถุดิบไว้สำหรับทำอาหารโดยเฉพาะ
ดังนั้น เวลาที่มีแขกมาเที่ยวสั่งอาหาร แม้ทางร้านจะมีบริการทำให้ แต่ต้องคิดในราคาที่สูง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของร้านคาราโอเกะทั่วไป สำหรับผัดมาม่าในคืนนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่วัตถุดิบมาม่าอย่างเดียว แต่ยังมีต้นทุนวัตถุดิบอย่างอื่นที่มีราคาสูง เช่น ไข่ ผัก ที่ต้องคิดอีกด้วย จึงยืนยันว่า ราคาที่คิดกับลูกค้าถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว ตามสภาพของร้านคาราโอเกะทั่วไป ซึ่งทางฝั่งร้านเองก็รับทราบดราม่าดังกล่าว และไม่เข้าใจว่า คู่กรณีเอามาโพสต์เพื่ออะไร
ข้อมูลช่อง 3, เฟซบุ๊กSurvive - สายไหมต้องรอด