วันที่ 18 ต.ค.2566 ที่บ้านพัก ต.บ้านเป้า อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ น.ส.สายชล ชาติกุญชร อายุ 38 ปี พร้อม นางเอมอร เรียงไข อายุ 59 ปี ภรรยาและแม่ของนายจักรพันธ์ เดี่ยวไธสง อายุ 37 ปี แรงงานไทยซึ่งเสียชีวิตหลังถูกกลุ่มฮามาสโจมตีที่อิสราเอล ร่วมกันจุดธูปเรียกดวงวิญญาณสามีและลูกชายกลับบ้านเกิด
หลังครอบครัวได้รับการการยืนยันการเสียชีวิตจากกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ว่านายจักรพันธ์ เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 30 บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า น.ส.สายชล กอดรูปถ่ายสามีร้องไห้ตลอดเวลา
น.ส.สายชล เล่าทั้งน้ำตาว่า ทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียสามีที่อยู่กินกันมาเกือบ 20 ปีทั้งรักและผูกพัน สามีตัดสินใจไปทำงานต่างประเทศเพราะอยากมีรายได้มาดูแลครอบครัวเพราะตัวเองก็ป่วยเป็นมะเร็งทำงานหนักไม่ได้ ลูกชายก็กำลังเรียน ส่วนย่าก็อายุมากแล้ว ช่วงที่สามีทำงานที่อิสราเอลไลน์คุยกันทุกวัน กระทั่งขาดการติดต่อช่วงที่เกิดเหตุสู้รบวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้แต่ภาวนาขอให้สามีรอดชีวิต
พอได้ยินข่าวร้ายว่าสามีเสียชีวิตแล้วทำใจไม่ได้ ไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อยังไง ไหนจะภาระหนี้สินอีกหลายแสนบาท แต่ก็บอกกับรูปถ่ายสามีว่าจะเข้มแข็งจะพยายามหางานทำเพื่อดูแลลูกชายและย่า ไม่ต้องเป็นห่วง อยากให้ทางการช่วยเหลือนำศพสามีกลับบ้านเกิดมาประกอบพิธีทางศาสนา หากไม่สามารถนำศพกลับมาได้ขอแค่เถ้ากระดูกมาทำบุญก็ยังดี และอยากให้ช่วยเหลือเยียวยาด้วย
ด้านนางเอมอร ผู้เป็นแม่ บอกว่า หลังได้รับการยืนยันว่าลูกชายเสียชีวิตเป็นรายล่าสุด ครอบครัวต่างช็อกพากันกอดกันร้องไห้ วันที่ 7 ต.ค.แม่กับภรรยาของเขายังวีดีโอคอลคุยกับลูก ระหว่างคุยกันเขาบอกว่า แค่นี้ก่อนนะ ทหารมา แล้วสายก็ตัดไปที่ผ่านมาครอบครัวพยายามติดต่อหาลูกตลอด แต่ติดต่อไม่ได้