เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2566 หลังจากที่คุณพิธา ลิ้มเจริญรันต์ได้ออกมาโพสต์ข้อความเพื่อช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ระบุว่า ผมพึ่งวางสายโทรศัพท์จากการพูดคุยกับท่านทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และ พี่น้องแรงงานคนไทยในอิสราเอลจากการประสานของปีกแรงงานพรรคก้าวไกล ได้ทราบมาว่าสถานการณ์มีความรุนแรงต่อเนื่อง และ ได้รับคำขอร้องว่า ครอบครัวของแรงงานที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่สามารถติดต่อญาติที่อิสราเอลได้ และกำลังตกอยู่ในความกังวลอย่างมาก หากท่านมีญาติไปทำงานที่อิสราเอล
และบัดนี้ยังติดต่อไม่ได้ ท่านสามารถระบุชื่อของบุคคล เมืองที่พำนัก มาที่ email : pita@moveforwardparty.org เพื่อรวบรวมเป็น database ประสานงานกับ สถานทูตอิสราเอล และ/หรือส่งมอบต่อกระทรวงต่างประเทศต่อไปได้ สุดท้ายขอเป็นกำลังใจและสนับสนุนรํฐบาลและข้าราชการไทยในการคลี่คลายวิกฤตในครั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องชาวไทยในอิสราเอลครับ
และต่อมา นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กPat Hemasukระบุว่า ผมไม่ทราบว่าคุณพิธากำลังคิดและทำอะไรอยู่ ผมคาดว่าท่านทูตรับสายก็เพราะมารยาทเท่านั้น เพราะคุณพิธาไม่ได้มีอำนาจและหน้าที่อะไรเลยในหน่วยงานของรัฐที่จะสั่งการ หรือประสานงานในเรื่องนี้ แม้แต่อำนาจสั่งการที่ชอบด้วยกฎหมายในพรรคตัวเองก็ยังไม่มีเลย เพราะเป็นเพียงอดีตหัวหน้าพรรคเท่านั่น ปล่อยให้คนของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐเป็นคนทำดีกว่าไหมครับ แรงงานในต่างประเทศและญาติในประเทศไทยจะได้ไม่สับสนด้วย ทุกคนที่นั่นเปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนของตัวเองติดต่อสถานทูตไทยที่เดียวจบ เพราะรัฐบาลก็ออกมาประกาศแล้วว่าคนที่มีหน้าที่ประสานงานตรงคือ รมต.ต่างประเทศ รมต.แรงงาน และสถานทูตไทยของที่นั่น
ส่วนทั้งสองสามท่านที่กล่าวมานั้นจะไปแจกงานให้ รมช. หรือ หน่วยงานไหนต่อก็เป็นอำนาจของพวกท่านที่จะสั่งการได้จริงและไม่เกิดความสับสนในการทำงาน “คุณหยุดทำให้คนสับสนได้ก็จะดีมาก นั่งนิ่งๆ เงียบๆ เพราะทั้งแรงงานและญาติติดต่อมาทางคุณ คุณเองก็ต้องไปส่งเรื่องให้หน่วยงานรัฐอีกทอด จะส่งถูกที่ถูกคนหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ สู้ให้พวกเขาติดต่อหน่วยงานโดยตรงเลยน่าจะรวดเร็วแน่นอนกว่า และพวกเขาจะรู้ได้โดยตรงด้วยตัวเองว่าความช่วยเหลือจะมาถึงพวกเขาได้จาก ที่ไหน อย่างไร เวลาใด เพราะคุณไม่ได้เก่งไปกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือของแรงงานที่นั่นหรอกครับ”
เรียบเรียง สยามนิวส์