กรณีที่ น.ส.เอฯ อายุ 19 ปี ชาว เกาะทวด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เพิ่งเรียนจบ ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตัดสินใจ ผูกคอตายในครั้งนี้ เนื่องจากเกิดอาการเครียด เพราะถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกลวง ให้โอนเงินค่าซื้อโทรศัพท์ไอโฟน เป็นเงินเกือบ 2 หมื่นบาท แต่สุดท้ายไม่ได้โทรศัพท์ จึงตัดสินใจผูกคอตาย เนื่องถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินไปซื้อโทรศัพท์ไอโฟน ในระบบผ่อนจ่ายกับร้านค้าออนไลน์ และผ่อนจ่ายไปแล้วเกือบ 20,000 บาท แต่ยังไม่ได้โทรศัพท์ จนรู้ว่าถูกหลอก จึงตัดสินใจผูกคอเสียชีวิตในห้องนอน ท่ามกลางความเศร้าสลดของพ่อแม่ ผู้ปกครองครองและญาติๆ รวมทั้งบรรดาเพื่อนๆ เหตุเกิดพื้นที่ สภ.เกาะทวด จ.นครศรีธรรมราช เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 66 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566ที่ พ.ต.อ.ธนะวุฒิ หัสวาที ผกก.สถานี ภูธรห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ได้รับแจ้งจากพ.ต.ท.สวัสด์ นิยมเดช พนักงานสอบสวน สภ.เกาะทวด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช (เจ้าของคดี) ว่าได้ออกหมายจับนางสาวดอกแก้ว แก้วเจิม อายุ 22 ปี บ้านเลขที่87 หมู่ 5 ตำบล ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เจ้าของเข้าบัญชีม้า ธนาคาร CIMB THAI หมายเลขบัญชี 7013721050 ที่น.ส.เอฯ อายุ 19 ปี ชาว เกาะทวด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้โอนเงินเข้าบัญชีของนางสาวดอกแก้ว แก้วเจิม อายุ 22 ปี และมีการทำธุระกรรมโอนไปต่อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
พ.ต.อ.ธนะวุฒิ หัสวาที ผกก.สถานี ภูธรห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนนำกำลังรุดออกหาข่าวและติดตามจับกุมตัวนางสาวดอกแก้ว แก้วเจิม อายุ 22 ปี เจ้าของเข้าบัญชีม้า ได้ที่บ้านเลขที่87 หมู่ 5 ตำบล ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พร้อมนำตัวมาสอบสวน ที่สภ.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ โดยนางสาวดอกแก้ว แก้วเจิม อายุ 22 ปี เจ้าของเข้าบัญชีม้าได้ให้การว่าตนไม่เคยไปเปิดบัญชีธนาคาร CIMB THAI หมายเลขบัญชี 7013721050 ดั่งกล่าว แต่อย่างใดตนไม่ทราบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้นำเอกสารของตนไปเปิดบัญชีได้อย่างไร หลังสอบสวนพ.ต.อ.ธนะวุฒิ หัสวาที ผกก.สถานี สภ.ห้วยยาง ได้ส่งตัวนางสาวดอกแก้ว แก้วเจิม อายุ 22 ปี ให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจฯจากกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 - CCID5 (เจ้าหน้าที่ตำรวจสอท.5) ที่เดินทางมารอรับตัวไปสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 - CCID5 กรุงเทพฯต่อไป
นางสาวดอกแก้ว แก้วเจิม อายุ 22 ปีกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนและสามีมีอาชีพคนงานรับจ้างก่อสร้างรายวันและรับเหมาก่อสร้างมุ่งหลังคาบ้านและจะพากันตะเวนรับจ้างไปทั่ว ที่ผ่านมาเคยนำบัตรประชาชนไปสมัครงานก่อสร้างในหลายพื้นที่ ทั้งในจ.นครราชสีมาและในตัวเมืองชัยภูมิ ส่วนกรณีที่มีคนนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคารฯนั้นตนไม่ทราบว่าใครนำไปเปิดบัญชีและตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งตนเองมีอาชีพรับจ้างรายวันเท่านั้นไม่เคยไปขายของออนไลน์แต่อย่างไรจึงอยากขอความเป็นธรรมด้วย
ด้านนายทองอินทร์ บุญเจิม อายุ70ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่5 ตำบล ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ผู้เป็นพ่อของเจ้าของบัญชีม้าเล่าทั้งน้ำตาว่าลูกสาวของตนไปทำงานรับเหมาก่อสร้างทำหลังคากับสามี โดยจะรับจ้างเหมาก่อสร้างงานทำหลังคาบ้าน นานๆจะกลับมาบ้านไปๆมาๆตนไม่เชื้อว่าลูกสาวจะไปเกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีม้าให้กลุ่มแก๊งคอลเซนเตอร์นำไปหลอกลวงชาวบ้านแต่อย่างใด ตนไม่เชื้อว่าลูกสาวจะทำได้ จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาวตนด้วย ที่ผ่านยมาลูกสาวเคยถูกกล่าวหาดำเนินคดีลักทรัพย์ที่อำเภอบัวใหญ่ จ.นครราชสีมาและที่อำเภอคอนสาร จ.ชัยภูมิมาแล้ว2ครั้ง
สมศักดิ์ ชุ่มหมื่นไวย์ ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.ชัยภูมิ