ที่บ้านเลขที่ 35 ม.5 บ้านโนนชาด ต.นาหนองทุ่ม อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น นางเจนจิรา พรหมหล้า อายุ 38 ปี ภรรยาของ นายสุพล นิชำนาญ อายุ 39 ปี แรงงานไทยในอิสราเอล ซึ่งเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อสะท้อนถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบ หลังสามีได้หนีตายเอาตัวรอดไปอยู่ที่สนามบินในอิสราเอล เพื่อจะเดินทางกลับบ้านที่ประเทศไทย แต่ไม่มีเงินติดตัว จึงเกิดปัญหาในการซื้อตั๋วเครื่องบิน
นางเจนจิรา กล่าวว่า ช่วงแรกที่เกิดเหตุสามีเดือดร้อนอย่างหนัก เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จะไม่ได้กลับบ้าน เนื่องจากสามีเดินทางไปทำงานในพื้นที่การเกษตร ห่างจากฉนวนกาซ่า ประมาณ 20 กม. เมื่อเกิดเหตุรุนแรง สามีต้องซ่อนตัวในไร่มะเขือเทศ จนมีทหารเข้ามาช่วยเหลือ
จากนั้นนายจ้างพาออกจากพื้นที่ มุ่งหน้าไปทางภาคเหนือ และส่งเข้าทำงานในสวนเกษตรอีกรอบ แต่มีเสียงระเบิดการสู้รบเข้าสู่พื้นที่ทางภาคเหนือ สามีจึงไม่มีความมั่นใจในความปลอดภัย และกลัวว่าจะเสียชีวิต จึงอยากกลับบ้าน
สามีทำงานแห่งใหม่เพียง 2 วัน นายจ้างจึงยังไม่จ่ายค่าแรง โดยสามีได้คุยกับเพื่อนคนงานรวม 6 คน ชวนกันเดินทางกลับไทย เพราะตามกำหนดการที่ลงชื่อไว้นั้น ทางประเทศไทยมีกำหนดบินไปรับในวันที่ 18 ต.ค. สามีเห็นว่าสถานการณ์ความรุนแรงใกล้ตัวเข้ามาทุกวัน หากรอถึงวันที่อาจไม่มีชีวิตรอด จึงพากันออกมาด้วยรถแท็กซี่มาที่สนามบิน แล้วติดต่อมาทางบ้านให้ยืมเงินพี่ชาย 40,000 บาท โอนเข้าบัญชีให้ แล้วสามีก็แลกเงินกับเพื่อนใช้ซื้อตั๋วเครื่องบิน กลับมาที่ประเทศไทย
สามีน่าจะซื้อตั๋วในค่ำวันนี้ เมื่อกลับถึงบ้านจะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญผูกข้อมือให้ รวมทั้งไปแก้บนที่ศาลปู่บ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่สามีและครอบครัว จากนั้นค่อยคุยกันว่าจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศใด แต่อิสราเอลจะไม่ให้สามีไปอีกเด็ดขาด