จากรณีที่ตำรวจไซเบอร์นำกำลังตำรวจคอมมานโด เข้าตรวจค้นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ภายในหมู่บ้านหลังหนึ่ง ในซอยวิภาวดี 60 กทม.หลังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงว่ามีการส่วนเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์
ล่าสุด พล.ต.ท. เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้เผยถึงกรณีกล่าวว่า ตนเองมองว่าทุกคนต่างทำหน้าที่ ตนเองเข้าใจทุกคน ซึ่งทีมที่เข้าไปค้นนั้นเป็นตำรวจไซเบอร์ที่ขยายผลจากการติดตามจับกุมเว็บพนันออนไลน์
ยอมรับว่าตนเองก็ตกใจเพราะว่าในรุ่นของตนเองนั้นไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ โดยเหตุการณ์เมื่อเช้าตนเองขี่จยย.ไปส่งหลานที่โรงเรียน เห็นตำรวจมาเต็มพื้นที่ ก็เข้าใจว่าบิ๊กโจ๊กนัดกำลังเพื่อจะไปตรวจค้นที่อื่นไม่คิดว่าจะมีกำลังเจ้าหน้าที่มาค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก
ส่วนกรณีที่ตำรวจแจ้งไม่ทราบว่าที่นี่คือบ้าน"บิ๊กโจ๊ก"ตนเองก็มองว่ามีความเป็นไปได้ ซึ่งคนที่จะรู้ว่าเป็นบ้านท่านต้องเป็นคนที่สนิท หรือเป็นลูกน้องที่ใกล้ชิด
ส่วนกรณีที่อีกไม่กี่วันจะมีการเสนอชื่อแต่งตั้ง ผบ.ตร.และมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้นั้น ตนเองมองว่าไม่เกี่ยวกับตำแหน่ง ผบ.ตร.ซึ่งอยู่ที่ท่านนายกเศรษฐาฯว่าจะพิจารณาเลือกใครหรือเสนอใคร เพราะฉะนั้นใครที่จะได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.นั้น อยู่ที่นายกฯพิจารณาเสนอชื่อเข้าที่ประชุมอีกครั้ง ซึ่งตนเองมองว่าคนที่ขึ้นเป็นระดับพลเอก ผลงาน ฝีมือ ประสบการณ์ต่างๆ มีความพร้อมอยู่แล้ว แต่ใครจะได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.นั้นขึ้นอยู่กับบุญวาสนา
ส่วนการเมืองภายในวงการตำรวจนั้นก็มีมานานแล้ว ส่วนตัวตนเองมองว่าผู้ใหญ่ในวงการตำรวจนั้นไม่ทะเลาะกัน จะมีก็แต่ลูกน้องที่จะฟัดกันบ้างแล้วก็โยงไปหาผู้ใหญ่ ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า ตนเองมองว่าไม่มีผลต่อการเสนอชื่อแต่งตั้ง ผบ.ตร. เพราะบิ๊กโจ๊กไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำความผิด ซึ่งก็ต้องว่าไปตามผิ และขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
และอยากฝากถึงตำรวจอยากให้รักสามัคคดีกันไม่มีใครดี 100% มองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เหตุการณ์ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน
นอกจากนี้ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวทิ้งท้ายติดตลกว่าตำรวจที่เข้าไปค้นตอนนี้นอนไม่หลับกันทุกคนแล้ว เพราะไปค้นบ้านผู้บังคับบัญชา ซึ่งก่อนค้นบ้านนั้นที่ตนเองเห็นตำรวจยังคุยกันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่หลังจากที่มาทราบว่าเป็นบ้านของ บิ๊กโจ๊ก เห็นตำรวจดึงหมวกลงปิดหน้าปิดตากันหมดเพราะกลัวนายจำหน้าได้