วันที่ 11 ก.ย.2566 พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ในปี 2566 สำนักงานสลากฯ ยังคงตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนผู้ซื้อ สามารถเข้าถึงสลากฯ ราคา 80 บาท ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัล เป็น 30 ล้านใบ จากปัจจุบัน 21 ล้านใบ หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2 ล้านใบต่องวด ตามภาวะตลาดในแต่ละงวด และไม่กระทบสลากแบบใบในระบบที่มีอยู่ 80 ล้านใบ โดยจะส่งผลให้สลากฯ มีจำหน่ายรวม 110 ล้านใบ จากปัจจุบัน 100 ล้านใบ
พ.ท.หนุน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จะทยอยเรียกรายย่อยที่ลงทะเบียนเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัลมาทำสัญญา รวมทั้งยังมีการเปิดให้ตัวแทนประเภทบุคคลรายย่อยทั่วไป คนพิการ สมาคม องค์กร มูลนิธิ และผู้มีสิทธิ์ทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาลแจ้งความประสงค์โดยสมัครใจเข้าร่วมเป็น ตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัล (Lottery 6 หรือ L6) ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.2566-28 ต.ค.2566 ผ่านเว็บไซด์ www.glo.or.th ที่เดิมเคยได้รับสลากแบบใบ มาเป็นสลากดิจิทัลด้วย
พ.ท.หนุน กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือ สลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก หรือ N3 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด อาทิ ราคาและวิธีการจำหน่าย ที่ยังคงวิธีการจำหน่ายในรูปแบบดิจิทัล และใช้การขายผ่านตัวแทนจำหน่ายเหมือนเดิม ซึ่งอาจจะใช้ช่องทางจำหน่ายปัจจุบัน หรือเพิ่มช่องทางให้เดินจำหน่ายได้
พ.ท.หนุน กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มได้จำหน่ายได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2567 ตามที่สำนักงานสลากฯ ได้วางแผนไว้ โดยยืนยันว่า สลากตัวเลข 3 หลัก จะเป็นทางเลือกให้ประชาชน อีกทั้งช่วยแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา
สำนักงานสลากฯ ยังคงยึดแนวทางในการดำเนินการจำหน่ายสลาก ที่มุ่งเน้นสร้างโอกาส และ รายได้ให้กับตัวแทนรายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อย ที่จะต้องพิจารณาการเข้าถึงสิทธิ์ในการจำหน่ายสลาก N3 ก่อน ซึ่งมีแนวคิดอยากเห็นกลุ่มเปราะบางทั้งรายเก่ารายใหม่ มีกำไรจากการขายสลาก N3 เทียบเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำทั่วไป พ.ท.หนุน กล่าว
ด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะโฆษกกรรมการสลากฯ กล่าวว่า ปัจจุบันการดำเนินการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน และผลจากการออกสลากดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า สลาก 80 บาทมีอยู่จริง ส่งผลให้ในระยะต่อไป จำนวนสลากดิจิทัลในระบบยิ่งมีจำนวนมากเท่าใด ยิ่งส่งผลดีต่อประชาชนผู้ซื้อสลาก ทำให้สามารถซื้อในราคา 80 บาทได้มากขึ้น จะเห็นได้จากที่ผ่านมามีจำนวนผู้ซื้อสลากดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาสลากฯ เกินราคา สร้างรายได้ให้กับภาครัฐ และ ตัวแทนกลุ่มต่าง ๆ แล้ว ยังเกิดผลพลอยได้ ในการดึงเม็ดเงินที่อยู่นอกระบบ เข้ามาอยู่ในระบบด้วย
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า โดยคาดว่าเงินนอกระบบในส่วนนี้ มีอยู่ราว 100,000-400,000 ล้านบาทต่อปี โดยการออกสลากแบบ N3 คาดว่าจะสามารถดึงเม็ดเงินส่วนนี้กลับเข้ามาได้อย่างน้อยราว 10% หรือ 10,000-40,000 ล้านบาทต่อปี โดยไม่กระทบกับการจำหน่ายสลากแบบใบ และ สลากดิจิทัล ในปัจจุบัน