วันที่ 8 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพลตำรวจโทธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเอง โดยพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกคนร้ายยิงเข้าใส่ก่อน จึงต้องยิงสวนเพื่อเป็นการป้องกันตัว
ทำให้คนร้ายถูกกระสุนปืนจนเสียชีวิต ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นการตั้งใจวิสามัญเพื่อแก้แค้นแต่อย่างใด ซึ่งตนเองได้มีการให้นโยบายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามจับกุมไว้แล้วว่า หากสามารถจับตัวนายหน่องได้แบบเป็นๆ ก็จะได้นำมาสอบสวนขยายผลไปถึงผู้บงการได้ แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัยก็อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ยุทธวิธีขั้นเด็ดขาดได้
ในส่วนของ กรณีที่ในวันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในบริเวณงานเลี้ยงที่เกิดเหตุหลายสิบราย แต่กลับไม่มีการเข้าจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ และปล่อยให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีไปได้นั้น ขณะนี้ ได้มีการเรียกตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุเข้ามาให้ปากคำอย่างละเอียดแล้ว
ในเวลาต่อมา ภรรยาของนายหน่อง ท่าผา ได้เดินทางลงมายังบริเวณพื้นที่จุดเกิดเหตุวิสามัญ เพื่อขอเข้าไปดูศพของผู้เป็นสามี โดยภรรยาของนายหน่องให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า หลังเกิดเหตุ ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อหานายหน่องเพื่อเกลี่ยกล่อมให้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้
กระทั่งเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาจึงได้ข่าวจากทางตำรวจว่านายหน่องถูกวิสามัญฆาตกรรมในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ตนจึงได้เดินทางมาดูศพ โดยภรรยาของนายหน่องยังได้กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวนายหน่อง มีนิสัยเป็นคนใจร้อนวู่วาม จึงอาจจะเป็นสาเหตุที่ตัดสินใจลงมือในครั้งนี้
สำหรับศพของนายหน่อง ท่าผา ทางเจ้าหน้าที่ มูลนิธิขุนรัตนาวุธ จะได้นำส่ง ไปยังศูนย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจที่ กทม. เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดต่อไป
ขณะที่กล้องวงจรปิดยังเผยให้เห็นวินาทีช่วงเวลา 03.19 น. ที่นายหน่องขับรถยี่ห้อฟอร์ดเรนเจอร์ สี่ประตูสีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อนจะเลี้ยวเข้าที่บริเวณโรงงานธูปร้างจุดที่ถูกวิสามัญช่วง 05.00 น. เมื่อตำรวจตามเข้าไปพบพยายามเรียก นายหน่องให้มอบตัวแต่นายหน่องกับยิงใส่ตำรวจก่อน 2 นัด จึงถูกตำรวจยิงสวนจนเสียชีวิตดังกล่าว ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปยังจุดเกิดเหตุได้เปิดไฟสูงใส่ จน นายหน่อง จึงมองไม่เห็นว่าเจ้าหน้าที่อยู่ตรงจุดใด ประกอบกับ นายหน่อง ได้ลงมาจากตัวรถ จึงเป็นเป้าให้กับเจ้าหน้าที่วิสามัญได้ดีกว่า
ซึ่งเรื่องนี้ ชาวบ้านในพื้นที่บอกกับสื่อฯ ว่ารถกระบะคันนี้ได้เข้ามาขับวนเวียนอยู่ในชุมชนนี้ช่วงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมาเกิดเหตุถูกยิง เบื้องต้นคาดว่า หน่อง น่าจะมีเพื่อนที่รู้จักอยู่ในระแวกนั้น หลังจากก่อเหตุในพื้นที่นครปฐม แล้วจึงได้เดินทางเข้ามาเพื่อหลบซ่อน แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้ทราบความเคลื่อนไหว จึงได้ติดตามมาพบดังกล่าว อย่างไรก็ตามขั้นตอนการสอบสวน ทางรอง.ผบ.ตร. ได้มอบให้ทาง พลตำรวจโทธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
ข่าวโดย ปรีชา ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดกาญจนบุรี
เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews