เรื่องนี้มีที่มาจาก เว็บไซต์ The Cool Down เผยรายงานการวิจัยชิ้นใหม่ของมหาวิทยาลัยเนแบรสกา ในสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหาร โดยการวิจัยชิ้นนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2021 โดยคาซี อัลบับ ฮุสเซน นักวิจัยและทีมของเขา ได้ทดลองนำขวดนมพลาสติกของเด็กที่ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ บรรจุน้ำและสารละลายอื่น ๆ ที่ใช้เป็นตัวแทนอาหาร แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟเป็นเวาลา 3 นาที จากนั้นนำไปให้เด็กดื่มพบเรื่องที่น่าตกใจก็ คือ เด็กได้รับไมโครพลาสติกเข้าไปในร่างกาย
สำหรับ ไมโครพลาสติก คือ อนุภาคพลาสติกขนาดจิ๋วที่พบในยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก และมหาสมุทรที่ลึกที่สุด ซึ่งสถาบันด้านสุขภาพ Henry Ford Health ได้มีรายงานว่า ในการศึกษาครั้งหนึ่ง 77 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้ารับการทดสอบถูก พบว่า มีไมโครพลาสติกในร่างกาย โดยบางเคส พบไมโครพลาสติกถึง 4 ล้านชิ้น ต่อตารางเซนติเมตร และนาโนพลาสติกมากกว่า 2 พันล้านชิ้น
โดยไมโครพลาสติกบางชนิด ทำจากสารเปอร์และโพลีฟลูออโรอัลคิล (PFAS) ซึ่งใช้เวลานานในการย่อยสลาย แม้จะไม่มีการศึกษาหรือระบุแน่ชัดว่าสาร PFAS ส่งผลต่อร่างกายอย่างไร แต่โดยความเข้าใจพื้นฐานของนักวิจัยเชื่อว่า มันไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ฮุสเซน ผู้นำทีมวิจัย ยอมรับว่า ลูกน้อยของตัวเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็เชื่อว่าจะสามารถช่วยให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการได้รับสารไมโครและนาโนพลาสติกนี้ให้ได้มากที่สุด ผู้คนสมควรที่จะรู้สิ่งเหล่านั้นเช่นกัน และพวกเขาควรเลือกอย่างฉลาด
นอกจากนี้ ทางผู้เชี่ยวชาญยังได้ทดลองนำเซลล์จากไต ไปสัมผัสกับสารไมโครพลาสติกที่ปล่อยออกมาระหว่างการใส่ขวดในทดลองไมโครเวฟ พบว่า ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของเซลล์เหล่านั้นถูกทำลาย เป็นไปได้ว่า ไมโครพลาสติกอาจเป็นอันตรายต่อไตของมนุษย์
สำหรับวิธีการหลีกเลี่ยงไมโครพลาสติกที่ดีที่สุด คือการงดนำบรรจุภัณฑ์พลาสติกเข้าไมโครเวฟ แม้ว่าจะมีการรับรองว่าสามารถนำเข้าไปโครเวฟได้ก็ตาม จากนั้น จูดิธ เองค์ อดีตผู้บริหารสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า การวิจัยชิ้นนี้ควรจะเป็นการเตือนสติ ไม่ใช่แค่สำหรับผู้ปกครองมือใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทางองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ที่จำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุกให้มากกว่านี้
ข้อมูลจากThe Cool Down