จากรณีข่าวใหญ่สะเทือนวงการสีกากี เมื่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท. ผบก.ทล. สนธิกำลัง บก.สอท. นำกำลังพร้อมอาวุธครบมือ เข้าตรวจค้น บ้านพักเลขที่ 9/147 และ 9/148 ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก.ตร. หรือ บิ๊กโจ๊ก ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งหลังสโมสรตำรวจ ซอยวิภาวดีรังสิต 60 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. เนื่องจากทางตำรวจมีข้อมูลพบความเชื่อมโยงกับกลุ่มพนันออนไลน์
ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้ร้องขอความเป็นธรรมที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก โดย บิ๊กโจ๊ก กล่าวว่า การขอหมายค้นดังกล่าวเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นบ้านของตน แต่ไม่ได้บอกศาลว่าเป็นบ้านของตน ยอมรับแม้บ้านจะเป็นชื่อญาติของตน แต่การขอหมายค้นจากศาลเพื่อไปจับกุม พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร นาย ตร. ติดตาม รอง ผบ.ตร. หรือ สารวัตรนนท์ ลูกน้องของตน ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าสารวัตรนนท์อยู่บ้านตน ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าบ้านหลังนั้นใครอาศัยอยู่
ส่วนในเรื่องเส้นทางการเงินของลูกน้องที่มีความพัวพันเจ้าของเว็บพนันรายใหญ่นั้นก็เป็นเรื่องของลูกน้องไม่ใช่เรื่องตน เมื่อลูกน้องได้ประกันตัว ก็จะต้องมีการซักถามถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ทั้งนี้การบุกค้นดังกล่าวต้องดูว่ามีเจตนาทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่ การบุกไปค้นบ้านและแถลงข่าวใหญ่โตว่าตนเอี่ยวเว็บพนัน ลูกน้องทำผิด ไม่ใช่ว่าตนต้องทำผิดด้วย
นอกจากนี้ บิ๊กโจ๊ก ยังย้ำอีกว่า เป็นการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนโทรหาผบ.ตร.แล้ว ถามว่าทำไมให้มาค้นบ้านของตน ซึ่งผบ.ตร.บอกว่า ก่อนหน้านี้มีเพียงได้รับรายงานว่าจะมีการตรวจค้น ซึ่งได้บอกกับผู้ที่รายงานว่าหากจะค้นให้มาบอกก่อน แต่ตำรวจกลับเข้าไปค้น และมารายงานทีหลัง นั่นหมายความว่า คำสั่งดังกล่าว ไม่ได้มาจาก ผบ.ตร. และรู้ตัวคนสั่งแล้ว
เรียบเรียง siamnews