สส.กาย พรรคก้าวไกล เชื่อ สว.ดัน เศรษฐา เป็นนายกฯ มีเบื้องหลังแน่นอน
ที่รัฐสภาสส.กายณัฐชา บุญอินไชยสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีนัยยะทางการเมืองหรือไม่ ว่า
ไม่ได้เป็นเรื่องผิดแปลกอะไรกับการส่งมอบอำนาจ เป็นอำนาจใหม่ที่ประชาชนมีข้อเคลือบแคลงสงสัย เพราะพล.อ.ประยุทธ์
ยึดอำนาจจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งยึดอำนาจมาเกือบ 9 ปี
สุดท้ายมาส่งมอบอำนาจให้กับพรรค พท. ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสงสัยในหลายประเด็น ส่วนการเข้าพบในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับการที่ส.ว.
โหวตให้นายเศรษฐาหรือไม่นั้น นายณัฐชากล่าวว่า หลังจากพรรคเพื่อไทย (พท.) จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ต้องมีเสียงของส.ว.เกี่ยวข้องด้วยแน่นอน เพราะเช้าวันที่โหวตนายกฯ (22 สิงหาคม)
ตนได้พูดคุยกับส.ว.ที่รู้จักกัน ก็ยังไม่มีสัญญาณมา แต่โค้งสุดท้าย ก็มีการส่งสัญญาณไฟเขียวโหวตให้นายเศรษฐา ช่วงเวลา
ระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แน่นอนว่าต้องมีการเจรจากับนอกรอบอย่างแน่นอน เมื่อถามว่า การพูดคุยของนายกฯ จาก 2 ขั้วอำนาจ
จะถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีหรือไม่สำหรับพรรค ก.ก. นายณัฐชากล่าวว่า คำว่า สมานฉันท์ปรองดอง ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เบื้องหลัง
มีการกระทำอะไรบ้าง ที่มีผลกระทบกับประชาชน นี่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ให้ได้ว่า เบื้องหลังของคนที่ขัดแย้งกันมา
ตลอดระยะเวลาหลายสิบปี สุดท้ายมาจับมือกัน และบอกว่าเป็นการทลายความขัดแย้งที่ยาวนาน “อยู่ดีๆ คนมีปัญหากันมาเป็นสิบปี
มาจับมือกัน มันต้องมีข้อเจรจาที่ตกลงกันได้ สิ้งที่ตกลงกันนั้นคืออะไร ประชาชนยังไม่ทราบเท่านั้นเอง” นายณัฐชากล่าว
ส่วนประเด็นความชัดเจนกรณีตำแหน่งรองประธานและผู้นำฝ่ายค้านพรรคก้าวไกล ได้หารือถึงเรื่องดังกล่าวหรือยังสส.กายณัฐชา
กล่าวว่า ยังคงต้องให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เนื่องจากว่า เป็นกลไกที่ได้มาโดยชอบ
ผ่านการเลือกของที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างถูกต้องข้อกฎหมายที่ระบุไว้ว่าพรรคฝ่ายค้านไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธาน
สภาหรือรองประธานสภาได้นั้น ทำให้พรรคก้าวไกลอยู่ในสถานะที่ก้ำกึ่งมาก จะบอกว่าเราเป็นฝ่ายค้านก็พูดได้ไม่เต็มปาก
“เราชนะการเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับ 1 เราขอตำแหน่งประธานสภาก็ถูกกีดกัน ขอนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ ขอเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้
ต่อมาขอเป็นฝ่ายค้านก็ยังโดนกฎกติกาต่าง ๆ ทำให้ ไม่ได้เป็นฝ่ายค้านต่อจากนี้ไปพรรคก้าวไกลก็คงอยู่ในสถานะที่เรียกว่า
ฝ่ายค้านโดยการกระทำในทางพฤตินัย แต่ในทางนิตินัย ยังไม่สามารถเรียกตัวเองว่าฝ่ายค้านได้เต็มปาก เพราะเรายังสนับสนุน
นายปดิพัทธ์ดำรงตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาคนที่ 1 ต่อไปอย่างสุดความสามารถ ฉะนั้นเรายังคงไม่ถูกเรียกว่าฝ่ายค้าน
ได้อย่างเต็มรูปแบบ” นายณัฐชา กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องมีการยกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านให้กับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะมี
จำนวนเสียงรองลงมา นายณัฐชากล่าวว่า โดยกติกาไม่มี ต้องเป็นพรรคที่มีเสียงอันดับ 1 ในฟากฝ่ายค้าน ซึ่งพรรคอื่น ๆ ไม่มี
เสียงมากกว่าพรรคก้าวไกล ฉะนั้นก็ไม่สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ หากพรรคก้าวไกลไม่นำเสนอผู้นำฝ่ายค้าน ก็ไม่มีพรรคอื่นที่
จะได้ในตำแหน่งนี้ โดยกติกาแล้วทำไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ระหว่างตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านกับรองประธานสภา พรรคก้าวไกล
จะเลือกอะไร นายณัฐชากล่าวว่า ไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะเลือกอะไร แต่ขณะนี้เรายังคงไว้ซึ่งตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 เมื่อถามอีกว่า
จะมีความชัดเจนเรื่องนี้เมื่อไหร่ นายณัฐชากล่าวว่า ยังไม่ต้องการความชัดเจนในเรื่องนี้ เนื่องจากรองประธานสภาคนที่ 1 ยังปฏิบัติ
หน้าที่ได้อยู่ ส่วนกลไกในการตั้งผู้นำฝ่ายค้านนั้น ทางผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็นหัวหน้าพรรคโดยตำแหน่ง ซึ่งขณะนี้หัวหน้าพรรคของ
พรรคก้าวไกล คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งยังคงถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ และไม่สามารถเข้ามาทำหน้าที่ในสภาได้ และเราไม่มีความ
ประสงค์เปลี่ยนเป็นบุคคลอื่น ฉะนั้นตำแหน่งของผู้นำฝ่ายค้านจะต้องว่างเว้นลงไป เมื่อถามว่าได้พูดคุยประเด็นดังกล่าวกับพรรคประชาธิปัตย์
หรือไม่ นายณัฐชากล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยเพราะยังไม่รู้สถานะของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
มีหลายทิศทางเหลือเกิน จึงจับไม่ได้ว่าจะอยู่ฝ่ายค้านหคือฝ่ายรัฐบาล เมื่อถามย้ำว่า ได้มีการพูดคุยกันในพรรคฝ่ายค้านทางนิตินัยหรือยัง
นายณัฐชากล่าวว่า ไม่ได้คุยกันอย่างเป็นทางการ เพราะการเป็นฝ่ายค้านไม่ต้องประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการ หรือต้องลงนามความ
ร่วมมืออะไรต่าง ๆ แต่แน่นอนว่าการทำหน้าที่ สส. ในฟากฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลก็เคยทำหน้าที่นี้ใน 4 ปีที่ผ่านมา รอบนี้ก็คงมีพรรค
เป็นธรรมและพรรคไทยสร้างไทยมาร่วมด้วย หรือแม้กระทั่งพรรคอื่น ๆ อีกประปราย เมื่อถามว่าตำแหน่งประธานกรรมาธิการวิสามัญของสภา
พรรคก้าวไกลได้มีการวางตัวไว้หรือยัง นายณัฐชากล่าวว่า ยังไม่ได้วางตัวว่าจะเป็นบุคคลใด เพราะยังไม่ได้มึการประชุมว่า เพื่อจัดสรรปัน
ส่วนว่าพรรคใด ได้คณะกรรมาธิการชุดใด ซึ่งหลังการประชุมจัดสรรปันส่วนแล้ว ทางพรรคก้าวไกลก็จะประชุมหารือ เลือกคัดสรรผู้
ที่มีคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการ เพื่อการทำหน้าที่ต่อไป เมื่อถามว่าเบื้องต้นประมาณไว้ว่าจะได้กี่คณะสส.กายณัฐชา
กล่าวว่า จากจำนวน สส. 151 เสียงของพรรคก้าวไกล คาดว่าจะได้ 12 คณะ