วันที่ 17 ส.ค.2566 นายช่วย อายุ 67 ปี และ นางขวัญเรือน อายุ 40 ปี ตาและแม่ของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้พาลูกชายไปตรวจร่างกายและรับยาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านหนองกก อ.นางรอง พร้อมร้องเรียนผ่านสื่อเกี่ยวกับการทำโทษเด็กนักเรียนที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ
หลังจากที่ ครูสอนวิชาพละศึกษา ได้สั่งลงโทษลูกชายด้วยการให้ลุกนั่งจำนวน 100 ครั้ง สาเหตุเพราะครูไม่พอใจที่ลูกโยนลูกเปตองไม่เข้าเป้าตามจุด และหัวเราะเพื่อนตอนโยนลูกเปตองช่วงเรียนวิชาพลศึกษาด้วย ทำให้ลูกชายปวดหัว ไข้ขึ้น คลื่นไส้อาเจียน และมีอาการปวดขามากจนเดินแทบไม่ไหว จนต้องพาไปให้หมอตรวจเพราะเกรงจะเกิดผลข้างเคียง เหตุเกิดวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา
จากการสอบถาม ด.ช.เอ กล่าวว่า ตนกับเพื่อนในห้องก็ไปเรียนวิชาพลศึกษา โดยครูให้เรียนเทคนิคการโยนลูกเปตอง ตอนแรกตนโยนลูกเปตองไม่เข้าเป้าตรงตามจุด แล้วพอเพื่อนโยนลูกเปตองไม่ได้เหมือนกัน ตนกับเพื่อนผู้หญิงก็หัวเราะกัน ทำให้ครูไม่พอใจจึงสั่งลงโทษด้วยการให้ลุกนั่ง 100 ครั้ง
ครูจึงสั่งให้ตนกับเพื่อนหญิงอีกคน ลุกนั่ง 100 ครั้งเพื่อเป็นการลงโทษ พอทำครบ 100 ครั้ง ก็มีอาการปวดหัวไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน และปวดขามากจนเดินแทบไม่ไหว
ด้าน นางขวัญเรือน กล่าวว่า ในฐานะคนเป็นแม่รับไม่ได้กับการลงโทษของครูพละ ที่สั่งให้ลุกนั่งถึง 100 ครั้ง ส่วนตัวมองว่าลงโทษรุนแรงเกินกว่าเหตุ
ที่ออกมาร้องเรียนไม่ได้อยากเอาผิดกับครู แต่อยากให้ปรับปรุงวิธีการทำโทษเด็กนักเรียนใหม่ให้เหมาะสมกับวัย เพราะเขายังเป็นเด็กทำผิดก็ควรจะตักเตือนหรือลงโทษที่เบากว่านี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนอกจากจะกระทบต่อร่างกายแล้วยังส่งผลต่อสภาพจิตใจลูกชายด้วย
ด้าน ผอ.ให้ข้อมูลว่า ได้รับทราบเรื่องและเรียกครูคนดังกล่าวมาตักเตือนแล้ว พร้อมรับปากว่าจะกำชับครูทุกคนไม่ให้ทำโทษเด็กที่เกินกว่าเหตุ หากเด็กทำผิดก็ให้ตักเตือนหรือทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แทน
เรียบเรียง siamnews