จากกรณี น้องเอ (นามสมมติ) เด็กหญิงพิการวัย 14 ปี ชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ร้องสื่อเพื่อช่วยติดตาม หลังครูสาว ชื่อ ครูเปาะ อายุ 27 ปี ครูโรงเรียนบ้านโจด ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ได้มาขอยืมเงิน ที่ทำงานหามาด้วยความยากลำบาก เพื่อไว้ใช้ผ่าตัดขาที่พิการ จำนวน 2 หมื่นบาท ตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา
พร้อมกับเสนอจะให้ดอกเบี้ยกับเด็ก ร้อยละ 20 จนกระทั่งเด็กยอมให้ยืมเงิน และสัญญาจะยืมเงินแค่ 2 เดือน แต่สุดท้ายกลับไม่ยอมคืนเงินให้ เมื่อทวงถามหลายครั้ง ได้กลับมาเพียง 5,000 บาทเท่านั้น ที่เหลือโดนบล็อกทั้งโทรศัพท์ ไลน์ ไม่สามารถติดต่อได้เลย
ล่าสุด ผู้สื่อข่าว ได้รับแจ้งจากแม่เด็กว่า นิติกรของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา บุรีรัมย์เขต 4 ต้นสังกัดของครูสาวรายนี้ ได้นัดหมายให้ครูสาว มาจ่ายเงินจำนวนที่ค้างไว้ 15,000 บาท ให้กับน้องเอ ที่สำนักงานเขตฯ ดังกล่าว
แต่เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึง ถูก รอง ผอ.เขต มาโวยวายว่า ห้ามบันทึกภาพ เพราะบริเวณนี้เป็นสถานที่ราชการ แล้วปิดประตูห้ามผู้สื่อข่าว เข้าไปในภายในอาคาร พร้อมกับให้ รปภ.มายืมคุมนักข่าวเอาไว้ ภายหลังจากมีการชำระเงินกันเรียบร้อยแล้ว
นางสุภาพร แม่ของเด็ก ได้ออกมากล่าวว่า ได้พาลูกสาวมาที่เขตพื้นที่การศึกษาฯ ตามนัดหมาย ส่วนฝ่ายครูคนดังกล่าวเดินทางมาพร้อมกับ ผอ.โรงเรียน จากนั้นทางสำนักงานเขต ได้กล่าวหาเด็กว่า เก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้ลูกสาวตกใจคิดว่า จะต้องเป็นคดีความ
แถมยังสอบสวนที่มาที่ไปเรื่องเงินลูกสาวว่า เอาเงินมาจากไหน ทำไมเด็กตัวแค่นี้ จึงมีเงินเก็บ จึงต้องค้นหาภาพถ่ายในเฟชบุ๊คของลูกสาวมาเป็นหลักฐานว่า ลูกสาวหาเงินเองด้วยการขายของตามตลาดนัด รับจ้างทั่วไปทั้งซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาดบ้าน
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จึงยอมให้ครูจ่ายเงิน 15,000 บาทให้ ซึ่งนางสุภาพรก็มีอาชีพเป็นครูเหมือนกัน มักจะสอนลูกเสมอเรื่องการทำมาหากิน เพื่อให้ตัวเองอยู่ได้ ส่วนสาเหตุที่ลูกสาวมีความมุมานะ เพราะคิดว่าจะต้องหาเงินรักษาตัวเอง
เนื่องจากการผ่าตัดขาไม่สามารถใช้สิทธิ์การเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ เพราะเป็นการศัลยกรรม ขณะที่ ด.ญ.เอ บอกว่า ตนเป็นคนชอบค้าขาย ขายทุกอย่างที่พอขายได้ รับจ้างทุกอย่างที่พอได้เงิน เพื่อเก็บเงินไว้ หวังจะไปรักษาความพิการของตัวเอง และจะเก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษา
เรียบเรียง siamnews