เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 ร่วม แถลงจับกุม นายเอกฉันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ,นายนพดล (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ,น.ส.สุพิศตา (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี และ น.ส.เจสิตา (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี
พร้อมของกลางรถกระบะตอนเดียว ใช้บรรทุกขนพัสดุ 2 คัน,รถยนต์โตโยต้าฟอจูนเนอร์ 1 คัน,รถกระบะอีซูซุ 1 คัน,รถจักรยานยนต์ บิ๊กไบก์ BMW S1000RR 1 คัน,รถจักรยานยนต์ มอโตครอส ฮอนด้า 1 คัน ,คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเปิดเพจเฟชบุ๊ก 2 เครื่อง,เครื่องปริ้นฉลากรายชื่อลูกค้าที่จะส่งสินค้า 1 เครื่อง,กล่องพัสดุ สำหรับส่งสินค้า ประมาณ 8,960 กล่อง
พล.ต.ท.วรวัฒน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านเพจ ตำรวจไซเบอร์ 2 หลังได้รับความเดือดร้อนกรณีมีพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง จึงดำเนินการสืบสวนทราบว่าพัสดุดังกล่าวถูกส่งมาจากบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนแห่งหนึ่ง สาขาบางกร่าง จังหวัดนนทบุรี จากการตรวจสอบพบมีนายเอกฉันท์ เป็นผู้ส่งพัสดุ โดยส่งมาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่าน ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ในระยะเวลาประมาณ 10 วัน มีการส่งพัสดุกว่า 1-2 หมื่นชิ้น ทั้งหมดเป็นพัสดุที่เก็บเงินปลายทางและถูกตีคืนจำนวนมาก จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบนายเอกฉันท์ อยู่ที่บ้านดังกล่าว พร้อมตรวจยึดพัสดุเตรียมส่งกว่า 1 หมื่นกล่อง มูลค่ากว่า 20 ล้าน ก่อนขยายผลไปจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือ
พล.ต.ท.วรวัฒน์ เปิดเผยอีกว่า สอบสวนให้การรับว่าได้ร่วมกับนายนพดล ซึ่งเป็นพนักงานเซลล์หาลูกค้าของบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนดังกล่าวชักชวนเปิดเพจเฟซบุ๊กและซื้อโฆษณา รวมทั้งว่าจ้างแอดมินโต้ตอบลูกค้า ในการขายสินค้าต่างๆ เช่น ไฟแช็คเติมแก๊ส ลำโพงบลูทูธ ฯลฯ ในราคาไม่เกิน 200 บาท เมื่อแอดมินเพจ ได้รายชื่อลูกค้าแล้ว ก็จะปริ้นท์ฉลากติดพัสดุส่งลูกค้า โดยปกปิดสถานที่ส่งสินค้า และให้หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่สามารถติดต่อได้ เพื่อไม่ให้ลูกค้าติดต่อมายังผู้ส่งได้
แต่จะติดสถานที่ผู้ส่ง เป็นสถานที่ ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ ศูนย์กระจายสินค้า บริษัทขนส่งพัสดุเอง โดยนายนพดลประสานงานกับ น.ส.สุพิศตา ซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทขนส่งพัสดุ สาขาบางกร่าง โดยมีผลประโยชน์ตอบแทนกล่องละ 2 บาท โดยให้ทำหน้าที่คอยแก้ไขปัญหา หากมีลูกค้าร้องเรียนมา เมื่อกล่องพัสดุเมื่อส่งไปยังลูกค้าแล้ว หากมีลูกค้าหลงเชื่อจ่ายเงินปลายทาง เงินที่ได้จะเข้ายังบริษัท ขนส่งพัสดุ
จากนั้นทางบริษัทฯ จะโอนเงินให้กับนายเอกฉันท์ ผ่าน บัญชี น.ส.เจสิตา ที่จ้างให้ น.ส.เจสิตา เปิดบัญชีธนาคารให้เป็น บัญชีรับโอนเงินดังกล่าว และเมื่อเงินเข้าบัญชีแล้ว ก็ว่าจ้างให้ น.ส.เจสิตา ไปกดเงินสด และนำมามอบให้ ซึ่งในการลงทุนส่งพัสดุที่ไม่ตรงตามที่สั่งซื้อแต่ละครั้งกว่า 10,000 กล่อง จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนหลักล้านบาท แล้วนำผลกำไรมาแบ่งกัน ซึ่งทำมานานประมาณ 3-4 เดือน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ แจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และ ร่วมกันฟอกเงิน