รายการโหนกระแส เชิญ 2 นักวิชาการการเมือง ได้แก่ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก และ รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร
อดีต กกต. มาร่วมพูดคุย ในประเด็นการเมือง หลังการประชุมสภาเมื่อวานนี้ มีมติไม่ให้เสนอชื่อคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซ้ำเป็นรอบสอง ซึ่งเรื่องนี้นักวิชาการ และ
นักกฎหมายต่างมองว่ามันผิดหลักการ ทำเอาช็อกกันทั้งประเทศ โดยในรายการมี สว.เสรี สุวรรณภานนท์ โฟนอินเข้ามาร่วมพูดคุย จนบรรยากาศค่อนข้างระอุเล็กน้อย
รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ยอมรับว่าผิดหวังกับท่านประธานสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่เปิดให้มีการลงมติโหวตว่า
การเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รอบที่ 2 เป็นการเสนอญัตติซ้ำหรือไม่ ตรงนี้ประธานสภามีเอกสิทธิ์ในการชี้ขาด โดยไม่ต้องให้มีการลงมติ นักกฎหมายทั่วประเทศไทย
ลงความเห็นตรงกันอยู่แล้ว ว่าการเสนอชื่อนายก เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ อันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ กฎหมายไหนจะมาขัดหรือแย้งไม่ได้ แล้วที่ยกข้อบัง
คับข้อที่ 41 ที่มีศักดิ์เป็นแค่ “ข้อบังคับการประชุม” มีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญแบบเทียบกันไม่ได้ ยังปล่อยให้มีการลงมติ แล้วชนะได้ด้วย 392 เสียง มันผิดซะจนช็อกทั้งประเทศ
เป็นการตะแบง พวกมากลากไป สร้างบรรทัดฐานผิดๆ ขึ้นมา แบบนี้นักกฎหมายก็ไม่รู้ว่าจะไปสอนลูกศิษย์ได้ยังไง คณะรัฐศาสตร์ต้องปิดหมดแล้ว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
มันแย้งกับสิ่งที่เราสอนกันมาตลอดชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นแผนสกัดคุณพิธา ไม่ให้ขึ้นมาเป็นนายก ทั้งที่ สว.หลายท่าน เขาก็เป็นนักกฎหมายเขาต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว
แต่เขาต้องการผลลัพธ์ที่เขาตั้งธงไว้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่า “รัฐพันลึก” คือมีอำนาจที่มองไม่เห็น มาฉุด มารั้ง มาบิด ให้สิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามกลไกหลักการ
ขณะที่ รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. มองว่า ตนเพิ่งจะโพสต์ไปในเฟซบุ๊ก เรื่องการเสนอชื่อซ้ำไม่ได้ จริงๆ มันทำได้ และเคยทำมาแล้วในประวัติศาสตร์
เช่น การเสนอชื่อ กกต. ซ้ำ เข้ามาในที่ประชุม ครั้งแรกไม่ผ่าน ครั้งที่ 2 เสนอชื่อกลับเข้ามาใหม่ ตอนนั้น อ.วิษณุ เครืองาม ให้เหตุผลว่า เสนอชื่อซ้ำได้
รัฐธรรมนูญไม่เคยห้าม เมื่อรัฐธรรมนูญไม่เขียน ก็ต้องแปลว่าทำได้ ส่วนเรื่องการเสนอแก้ ม.272 ให้ปิดสวิตช์ ปิดอำนาจ สว. ในการโหวตเลือกนายก ตนแสดง
จุดยืนชัดเจนมาตลอดว่า ไม่ต้องการให้ สว. มาโหวตเลือกนายก ได้รวบรวมรายชื่อประชาชน เพื่อเสนอเรื่องเข้าไปในสภา รศ.ดร.นันทนา เสริมอีกว่า สว.เป็นเหมือน
เนื้องอกของการเมืองไทย ที่มาตาม รัฐธรรมนูญ ปี 60 มันวิปริตผิดปกติ ให้อำนาจในการมาเลือกนายก ซึ่งถ้าเนื้องอกยอมทำตามกลไกร่างกาย มันก็จะไม่ทำร้ายระบบ
แล้วพอถึงเวลา ครบวาระ ก็จะถูกตัดออกไปในเดือน พ.ค.ปีหน้า แต่ตอนนี้ สว.กำลังทำตัวเป็นก้อนมะเร็ง ประชาชนเขาเลือกมาแล้ว แต่ท่านมาทำตัวตรวจสอบสิ่งที่
ประชาชนเขาเลือกมา ขัดขวางไม่ให้เสียงประชาชนที่เลือก ไม่ให้ได้นายกคนนี้ กติกาที่ให้ สว.มาเลือกนายก สว.ที่ประชาชนไม่ได้เลือก มาตัดสินเสียงของประชาชน
อันนี้ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน มีแต่ประเทศไทยที่ทำ ไม่มีกติกาสากลที่ไหนในโลกเขาทำแบบนี้ เมื่อมันไม่มีกติกาไหนมาเทียบเคียง เราก็ต้องทำกันไปแบบไทยๆ
ขณะที่ อ.นันทนา แย้งว่า สิ่งที่ สว.เสรี ตีความไม่ตรงกับรัฐธรรมนูญ มันไม่มีบรรทัดไหน ที่ระบุว่า คนที่โหวตไม่ผ่านห้ามเสนอซ้ำ เพราะ ม.272 วรรคสอง
ที่ สว.เสรียกมาอ้าง ระบุไว้ว่า “ในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88
ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา
ขอให้รัฐสภามีมติยกเว้น เพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อ ที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88”