วันที่ 21 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับลุงเทวา ครูฝึกสอนเทนนิสรายนี้ เพื่อสอบถามถึงเหตุผลในกรณีดังกล่าว โดยลุงเทวา เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนติดตามข่าวการประชุมสภาเพื่อแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยแล้ว รู้สึกอึดอัดและรับไม่ได้กับการทำหน้าที่ของ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ ที่ชงเรื่องและสั่งระงับการปฎิบัติหน้าที่ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกคนต่อไป
ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งมีเจตนาตั้งใจสอยนายพิธา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเป็น ส.ส.มา 4 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องร้องให้ตรวจสอบแบบนี้มาก่อน แต่พอเขาจะได้เป็นนายกคนต่อไป กลับมีการกลั่นแกล้งเพื่อตัดสิทธิ์และยุบพรรคของเขาเหมือนที่พรรคอนาคตใหม่ถูกกระทำมาก่อน เป็นเรื่องที่ตนรับไม่ได้และรู้สึกคับแค้นอยู่ในใจ
ลุงเทวา เปิดเผยต่ออีกว่า หลังจากนั้นในช่วงเย็นของวันก่อน ตนยังคงครุ่นคิดหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนถึงขั้นเก็บเอาไปคิดว่าจะหาวิธีการตอบโต้องค์กรอิสระแบบนี้ได้ยังไงบ้าง จนกระทั่งมานึกถึงปลาร้าขึ้นมาได้ว่าปลาร้าที่ดีนั้นยิ่งเหม็นยิ่งดี แต่กับ กกต.หรือศาลรัฐธรรมนูญยิ่งเหม็นยิ่งเน่า ด้วยความคับแค้นใจดังกล่าว พอตื่นเช้าขึ้นมาตนซึ่งมีเงินติดตัวอยู่เพียง 100 บาท จึงตัดสินใจเดินไปซื้อปลาร้าในตลาดมา 2 ถุงเป็นเงิน 90 บาท เหลือเงินอีก 10 บาทก็ซื้อปาท่องโกกินเพื่อเอาแรง
จากนั้นจึงตัดสินใจเดินถือถุงน้ำปลาร้าพร้อมกับไม้เทนนิสไปตามถนนคลองประปาเพื่อมุ่งหน้าไปถนนแจ้งวัฒนะ โดยตั้งใจจะนำถุงปลาร้าทั้ง2 ถุงไปปาใส่ที่สำนักงาน กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อประชดและระบายความรู้สึกเกี่ยวกับการทำงานของหน่วยงานทั้ง 2 แห่ง เพราะตนรู้สึกเก็บกดมาหลายครั้งแล้ว ทั้งๆที่ กกต.ควรจะเป็นจุดแรกที่จะต้องทำให้เกิดความยุติธรรมในสังคมขึ้นมา แต่ไม่ใช่กับ กกต.ชุดนี้
ลุงเทวา เปิดเผยต่อไปอีกว่า หลังตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ตนจึงเริ่มเดินออกจากบ้านพักตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนเดินไปถึงที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะประมาณ 8 โมง โดยตนตั้งใจจะขึ้นไปยังสำนักงาน กกต. ที่หน้าห้องรับเรื่องร้องเรียนที่นักร้องทั้งหลายชอบมาแถลงข่าวกัน ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ที่คุ้นเคยกับตน เพราะก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมาตนได้เคยนำสับปะรดไปให้ทาง กกต.มาแล้วครั้งหนึ่งเพื่อประชดให้รู้ว่าประชาชนมีตาเหมือนกับสับปะรดเช่นกัน
จากนั้นตนจึงได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ไปแล้วว่า วันนี้ตนเอาปลาร้ามา แต่ไม่ได้เอามาฝากเอามาเพื่อปาประชด วันนี้ตนมาเอาจริง ซึ่งถ้าหากจะแจ้งข้อหาตนก็พร้อมยินดีที่จะรับทราบข้อกล่าวหา และไม่ต้องประกันตัวหรือเสียค่าปรับเพราะเงินที่มีติดตัวเพียง 100 เดียว ซื้อปลาร้าไปหมดแล้ว ปลาร้านั้นยิ่งเหม็นยิ่งดียิ่งอร่อย แต่กับ กกต.ยิ่งเหม็นยิ่งเน่า ตนเคยมาเตือนไว้ก่อนแล้วในวันที่เอาสับปะรดมาให้ แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งเตือนยิ่งเละ จนกลายเป็นเก็บกดและคุกกรุ่นขึ้นมา
หลังปาถุงปลาร้าที่หน้าห้องรับเรื่องราวร้องทุกข์ของ กกต.แล้ว ตนได้เดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อที่อยู่ไม่ไกลจากนั้น เพื่อนำถุงปลาร้าที่เหลืออีกถุงไปปา แต่เมื่อไปถึงที่ศาลรัฐธรรมนูญตนไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ เพราะตนใส่ขาสั้น ทาง รปภ.จึงไม่อนุญาตให้เข้าไปข้างใน ตนจึงทำได้เพียงแค่ฝากถุงปลาร้าที่เหลือไปให้กับศาลแทน จากนั้นตนก็เดินกลับบ้านมาตามปกติจนกระทั่งมาตกเป็นข่าว
ลุงเทวา ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ตนขอให้ทั้ง 8 พรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียง กอดคอกันเอาไว้ให้ดีอดทนไว้ รออีกเพียง 9 เดือนเท่านั่นเอง ก็จะสามารถปิดสวิตช์ สว.ชุดนี้ไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดได้แล้ว ที่ผ่านมาประชาชนทนกันมาตั้ง 8 - 9 ปี ยังทนกันมาได้เลย แค่รอต่อไปอีก 9 เดือนก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล
ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าทั้ง 8 พรรคจะกอดคอกันไหวตามสัญญาไหม ตนขอฝากไปถึงนายพิธาและทั้ง 8 พรรคด้วยว่า ขอให้สู้ต่อไป ประชาชนทุกคนจะคอยเป็นกำลังใจให้เพราะพวกคุณได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ดังนั้นถ้าหากจะเจอปัญหาอุปสรรคก็อย่าท้อถอย เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ
ข่าวโดย สาโรจน์ สว่างศรี ผู้สื่อข่าวจังหวัดนนทบุรี
เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews